วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สถาปัตยกรรมสมัยสุโขทัย

สำหรับพระเจดีย์แบบสุโขทัยอาจแบ่งออกได้เป็น ๓ แบบคือ
๑) . เจดีย์แบบสุโขทัยแท้ที่เรียกว่าเจดีย์ทรงยอดดอกบัวตูมหรือเจดีย์พุ่มข้าบิณฑ์ ทำฐานเป็น ๔ เหลี่ยม ๓ ชั้น ตั้งซ้อนกันขึ้นไปแล้วถึงองค์เจดีย์เหลี่ยมย่อมุม ยอดเป็นทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ หรือรูปดอกบัวตูม พระเจดีย์องค์กลางที่วัดเจดีย์เจ็ดแถว เมืองศรีสัชนาลัย




๒) . เจดีย์ทรงกลมแบบลังกาหรือทรงระฆัง คงได้รับอิทธิพลมาจากเกาะลังกาพร้อมกับพุทธศาสนานิกายลังกาวงศ์ พระเจดีย์ช้างล้อม ที่ศรีสัชนาลัยก็จัดอยู่ในจำพวกนี้ มีข้อที่น่าสังเกตคือ เจดีย์ทรงกลมในสมัยสุโขทัยยังไม่มีเสาหานเหนือบัลลังก์ยอดองค์ระฆังรองรับปล้องไฉนเช่นเจดีย์ทรงกลมในสมัยอยุธยาที่ส่วนล่างขององค์ระฆังมักมีลายกลีบบัวประกอบซึ่งอาจได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะพม่า ซึ่งได้รับมาจากศิลปะปาละของอินเดียอีกต่อหนึ่ง



๓) . เจดีย์ทรงปราสาทยอด คือเจดีย์ที่มีฐานและองค์ระฆังสูงทำเป็นสี่เหลี่ยม บางทีก็มีคูหาประดิษฐานพระพุทธรูป บางทีก็ไม่มี ตอนบนเป็นพระเจดีย์ทรงกลมแบบลังกา และเจดีย์องค์เล็กๆ ประกอบอยู่ที่สี่มุม มุมในวัดเจดีย์เจ็ดแถว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย สถาปัตยกรรมของพุทธศาสนาแบบสุโขทัยที่เลียนแบบลพบุรี คือเป็นรูปปรางค์ขอม แต่แก้เป็นปรางค์ไทย คือทรงสูงชะลูดขึ้นกว่าเดิม







มณฑป
  เหกเพดคืออาคารสี่เหลี่ยมที่ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปและสามารถเข้าไปในอาคารได้ มณฑปวัดศรีชุมสร้างด้วยผังที่ช่างแปลกประหลาด คือมีผนัง ๒ ชั้น มีบันไดอยู่กลางซึ่งอาจเดินขึ้นไปจนถึงด้านหลังพระพุทธรูปและหลังคาได้ น่าสันนิษฐานว่าคงได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะลังกาสมัยโปลนนารุวะ ซึ่งสร้างผนัง ๒ ชั้น ให้เดินประทักษิณรอบพระพุทธรูปภายในวิหารได้






จิตรกรรมสมัยสุโขทัย

     สำหรับจิตรกรรมสมัยสุโขทัยแม้มีตัวอย่างเหลือให้เห็นน้อยมาก แต่ภาพสลักบนเพดานหินในอุโมงค์มณฑปวัดศรีชุมนอกเมืองสุโขทัยเก่าถือว่าพออนุโลมเป็นจิตรกรรมได้ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องชาดกต่างๆประมาณ ๖๐ ภาพ ก็เป็นพยานถึงศิลปะในการทำภาพสลักลายเส้นในสมัยนี้ได้เป็นอย่างดี และแสดงให้เห็นว่าคงได้รับอิทธิพลจากศิลปะลังกาสมัยโปลนนารุวะอีกเช่นเดียวกัน

     งานจิตรกรรมสมัยสุโขทัยนั้นปรากฏว่ามีการทำภาพแกะลายเบา โดยแกะสลักบนหินเป็นลายเส้น ตัวอย่างเช่น ภาพแกะสลักลายเส้นบนเพดานผนังอุโมงค์วัดศรีชุม สลักเรื่องโคชานิยชาดก สำริดจากวัดเสด็จ ตลอดจนจิตรกรรมฝาผนังพบที่วัดเจดีย์เจ็ดแถว ภายในคูหาชั้นในของมณฑปที่มีเรือนยอดเป็นปรางค์ผสมเจดีย์ทรงระฆังมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง แต่ปัจจุบันลบเลือนเกือบหมดแล้ว แต่นับเป็นคุณูปการแก่คนไทยอย่างยิ่งที่ท่านศาสตราจารย์เฟื้อ หริพิทักษ์ ซึ่งเป็นผู้ที่รัก เข้าใจ และเห็นคุณค่าของจิตรกรรมไทย ได้ทำการคัดลอกภาพจิตรกรรมฝาผนังจากวัดเจดีย์เจ็ดแถวไว้เป็นหลักฐานให้อนุชนรุ่นหลังได้ทำการศึกษาต่อมา






ในสมัยสุโขทัยมีการทำเครื่องถ้วยชามด้วยดินเผาเคลือบที่เรียกว่าเครื่องสังคโลก ซึ่งคงได้รับแบบอย่างมาจากช่างจีนและช่างขอม




วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ประติมากรรมสมัยสุโขทัย

พระพุทธรูปของสุโขทัยอาจแบ่งออกได้เป็น ๔ หมวด
๑) . หมวดแรกอาจเรียกหมวดวัดตะกวน มีลักษณะวรกายอวบอ้วนคล้ายเชียงแสน มีลักษณะพระพักต์กลม อมยิ้ม วรกายอวบอ้วน อุระนูน ชายสังฆาฏิหรือจีวรสั้น พระนลาฏแคบ แต่พระองค์และฐานมักเป็นแบบสุโขทัย พระพุทธรูปปูนปั้นที่ค้นพบ ณ พระเจดีย์ทางทิศตะวันออกและในพระปรางค์วัดพระพายหลวงซึ่งเป็นวัดเก่าในสมัยสุโขทัย จะอยู่ในลักษณะแบบนี้ทั้งสิ้น





๒) . หมวดใหญ่ ซึ่งมีอยู่ทั่วไป เป็นลักษณะของศิลปะสุโขทัยโดยเฉพาะ มีลักษณะคือ พระรัศมีเป็นเปลว ขมวดพระเกศาเล็ก พระพักตร์รูปไข่ พระขนงโก่ง พระเนตรเรียวงามปลายตวัดขึ้น พระนาสิกงุ้ม (ตามแบบมหาบุรุษลักษณะจากอินเดีย) พระโอษฐ์อมยิ้มเล็กน้อย พระอังสาใหญ่ บั้นพระองค์เล็ก ครองจีวรห่มเฉียง ชายจีวรยาวลงมาถึงพระนาภี ปลายเป็นลายเขี้ยวตะขาบ ชอบทำปางมารวิชัย ประทับขัดสมาธิราบ ประทับนั่งบนฐานหน้ากระดานเกลี้ยง เอนตนไปข้างหลังเล็กน้อย คงสร้างขึ้นในช่วงที่สุโขทัยเจริญสูงสุด





๓) . หมวดกำแพงเพชร มีลักษณะพระพักตร์เป็นรูปไข่ยาว ดวงพระพักตร์ตอนบนกว้าง พระหนุเสี้ยม ขมวดพระเกศาเล็ก พระรัศมีเป็นเปลวสูง




๔) . หมวดพระพุทธชินราช คล้ายหมวดใหญ่แต่พระพักตร์ค่อนข้างกลม พระองค์ค่อนข้างอวบอ้วนกว่า ที่สำคัญคือนิ้วพระหัตถ์ทั้งสี่มีปลายเสมอกัน หมวดนี้ยังรวมถึงพระศรีศากยมุนีซึ่งประดิษฐานอยู่ในวิหารวัดสุทัศน์ด้วย ในสมัยสุโขทัย ชอบสร้างพระพุทธรูป ๔ อิริยาบถ คือ นั่ง นอน ยืน เดิน โดยประดิษฐานไว้บนด้านทั้ง 4 ของแท่นเหลี่ยมขนาดใหญ่ นิยมประดิษฐานอิริยาบทเดินไว้ทางตะวันออกและยืนไว้ทางตะวันตกส่วนนั่งกับนอนไม่มีขนบที่แน่นอนว่าจะเป็นทิศเหนือหรือใต้